ค่ายวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
ณ
สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช
โรงเรียนเบญจมราชาลัย
วันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2554
กลุ่มที่ 1
เดินทางจากเบญจมฯ 6 โมงเช้า เสียงเจี๊ยวจ๊าวเจื้อยแจ้วกันเป็นแถว
พอพูดเสร็จก็ดื่มน้ำไป 2 แก้ว ทั้งเด็กแนวเด็กเรียนเข้าขากัน
พอมาถึงสะแกราชมืดมากแล้ว ต่างชักแถวปิ้งข้าวโพดอย่างแข็งขัน
อยากจะกินข้าวจี่อีกทุกวัน มองดูจันทร์ไม่เห็นมีแต่ดาว
ตกกลางคืนเดินเข้าห้องนั่งนับเลข เสียงโหวกเหวกคนชั้นหนึ่งขึ้นด่ายาว
เลยต้องรีบห่มผ้า ณ บัดนาว ตาลุกวาวทางสะดวกเล่นกันต่อ
วันที่สองเดินป่าอย่างสุขสันต์ กินกันมันส์ตลอดทางไม่ย่อท้อ
จากข้าวเหนียวส้มตำไม่รั้งรอ หนูต้องขอเบิ้ลสองทุกคราไป
ยืนย้อมสีผ้าเช็ดหน้าเมื่อขาจริง เสร็จแล้วชิ่งไปทอเสื่ออย่างสดใส
ใช้ความรักถักไม้กวาดด้วยหัวใจ จบแล้วไซร้นั่งแต่งกลอนตอน 5 โมง
กลุ่มที่ 2
ถึงสำนัก สสส. ขอคาระวะ พวกเราเด็กเบญจมฯ จากเมืองใหญ่
เมื่อแรกเห็นที่พักนึกน้อยใจ ทำไมดูช่างไกลความสบาย
อากาศหนาวน้ำก็เย็นเด็กเบญฯ คลั่ง ใส่เสื้อหนาวกันจังน่าใจหาย
อีกพักเบรกทุกชม. จะบ้าตาย ไม่ต้องทายน้ำหนักขึ้นตาชั่งพัง
ให้ดูดาวแต่พวกเรากินของปิ้ง เสร็จแล้วทิ้งแยกลงให้ตรงถัง
พอเดินป่าปวดชิ้งฉ่องน่าอายจัง แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งปล่อยข้างทาง
กลุ่มที่ 3
ตื่นเช้ามาคิดว่าจะมาสาย อุ๊ยต๊ายตายปรากฎว่ายังมาทัน
เพื่อน ๆ ต่างก็เดินมารวมกัน แล้วก็พลันมาถึงสะแกราช
มันผิดคาดมาถึงมืดสลัว แต่พอเราได้กินก็เลิกกลัว
ทั้งข้าวโพดข้าวจี่บาบีคิว ปิ้งกันรัวมือสั่นมันร้อนจัง
ตั้งแต่เช้าปากขยับไม่ได้หยุด เคี้ยวมุด ๆ กรามใหญ่ใส่ไม่ยั้ง
ก็เกรงใจแต่ว่าอร่อยจัง ชมจริง ๆ จัง ๆ มาจากใจ
วันต่มาเดินป่าขาแทบหลุด แถมสดุดก้อนหินในป่าใหญ่
แต่มาหยุดกลางป่าน่าหวั่นใจ อยู่ ๆ ไปมันก็สบายดี
ขอขอบคุณพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ ที่ใจดีช่วยเหลือทุก ๆ ด้าน
ขออภัยที่เรากินไปหลายจาน ก็อาหารมันอร่อยขอขอบคุณ
กลุ่มที่ 4
แสนดีใจที่มาเยือนสะแกราช สวยเกินคาดกว่าได้เจอบนเว็บไซต์
เจอะพี่อี๊ดซึ่งเธอสวยเกินใคร ไม่ทำไมเพราะเธอนั้นหญิงคนเดียว
เข้าบ้านพักเหงื่อตกเดินผ่านป่า เหนื่อยเป็นบ้ายังต้องมองคอยแลเหลียว
พึ่งไฟฉายที่มันมีอยู่อันเดียว ทางก็เปลี่ยวของก็หนักจะทำไง
แต่พอมาเจออาหารตาสว่าง อ้าปากกว้างน้ำลายหกน้ำตาไหล
หนูจะกินครูจะถ่ายหนูทำไม ภาพนั้นไซร้ดูแล้วช่างทรมาน
พออิ่มท้องหนังตาก็เริ่มตก หลับงก ๆ แทบจะคาโต๊ะอาหาร
อยากจะหลับก็แล้วหัวปักจาน รีบลนลานเพราะได้ยินเสียงบางคน
นั่นก็คือเสียงพี่อี๊ดที่เรยกแถว ฉะนั้นแล้วฮีเลียมต้องรีบขน
สัมภาระแม้มากมายก็ต้องทน เรามันจนของฟรีต้องรีบโกย
โอ้
แม่เจ้าเดินขึ้นเขาช่างหนาวเหน็บ เท้าก็เจ็บทางก็ชันท้องเริ่มโหย
โทษกระเพาะย่อยเร็วจนน่าโวย ร้องโอดโอยเพิ่งกินข้าวเมื้อกี้เอง
พอถึงที่โอ้โอ๋ช่างตื่นเต้น มือก็เย็นปากก็สั่นหนาวชิบเป๋ง
ป้าสองคนปิ้งข้าวเกรียบอุ๊ยคนกันเอง รีบบรรเลงฝีเท้าเดินย่างกราย
แต่ช้าก่อนอาจารย์ท่านขวางหน้า ยืนหน้าพร่าพร้อมยื่นแว่นขยาย
สอ่งแมลงเห็นบาบีคิวโอ๊ยตาลาย อุ๊ยใจหายเห็นข้าวโพดเพิ่มอีกอัน
จบมื้อดึกเราเดินไปนอนหงาย นอนเรียงรายพุงป่องและสุขสันต์
ดาวสวย ๆ ชวนให้ฝันเพลินกัน นึกว่าฉันนั้นเป็นซองฉฮเคียว
แต่เดี๋ยวเดี๋ยวคนช้าง ๆ ไม่ใช่เรน อุ๊ยตะเถรหันไปเจอหน้าไอ้เขียว
แกทำฝันฉันแตกในคืนเดียว ช่างน่าเสียวเมื่อเขียวยิ้มให้กัน
ตื่นเช้ามาส่องนกไม่เห็นสี หรือบางทีตัวที่เห็นเป็นใบไม้
อุ๊ยนั่นแน่หนทางอีกยาวไกล นกนั้นไซร้มันคงอยู่ตรงนั้นเอง
ลองเดินป่าไม่น่าเชื่อขี้ชะมด ดูสด ๆ ไม่เคยพบช่างสุดเจ๋ง
ปะเถาวัลย์เหนือน DNA น่าวังเวง เพราะตัวเองเพิ่งเรียนเรื่องนี้มา
ขอขอบคุณพี่อี๊ดและพี่บอย ที่ต่างคอยดูแลและส่งหนม
ให้ได้รู้ได้ลองและได้ดม ได้ชื่มชมลิ้มรสอรอ่ยดี
สุดท้ายนี้พวกเราชาวฮีเลียม หน้าเจี๋ยมเจี้ยมห้อยป้ายชมพูสี
ขอพี่ ๆ จงพบสุขสวัสดี อย่าลืมน้องกลุ่มนี้นะตะเอง จุ๊บ จุ๊บ
กลุ่มที่ 5
โอ้ละเอ๋ยเอิงเอย อยู่เฉย ๆ ก็เสียตังค์
สามพันกว่าอนิจจัง ได้มานั่งนอนในป่า
ครั้นถึงสะแกราช ณ โคราชไกลสุดตา
ตกดึกเดินเข้าป่า แหงนมองฟ้านั่งดูดาว
ข้าวเกรียบข้าวโพจี่ แต่ก็ดีถึงจะหนาว
ดูนกทุกทุกเช้า ทำให้เราได้สุขใจ
|